Saturday, September 13, 2014

Ecstasy


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ(๓ ครั้ง)
ข้าพเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ - ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ - ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ - ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก


  
ปีติ

การทำสมาธิ ผู้ปฏิบัติจิตนี้สงบไหม ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติ
อันปิติที่ได้นี้เป็นปิติที่มีโลภะ อยู่ด้วยหรือไม่
ให้ผู้ปฏิบัติพึงสังเกตุตนเอง

ก่อนที่จะเจริญสมาธิ
ผู้เจริญสมาธิประจักษ์ระลึกรู้อยู่ว่า จิตขณะนั้น ต้องเจริญสมาธิที่จิตที่เป็นกุศล จิตขณะนั้นมีปฏิฆะอยู่หรือไม่
โยนิโสมนัสสิการด้วยสติเจตสิก เพื่อ
1. เนกขัมมะโลภะ  โทสะ โมหะ เป็นอันดับแรก และก็เจริญสมาธิต่อไป  
2. และระหว่างการเจริญสมาธิของผู้ปฏิบัตินั้นประกอบโลภะและหรือมีโมหะอยู่ด้วยหรือไม่ ถ้ามีก็ให้เนกขัมมะ โลภะ  โทสะ โมหะ
3. เจริญมรณสติ พิจารณาความตาย 
"เรามีความตายเป็นธรรมดา"
"เรามีความตายเป็นแน่แท้"
4. ระหว่างเจริญสมาธิ ให้ระลึกตัวอยู่เสมอว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา
มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เราบังคับบัญชาร่างกายนี้ไม่ได้ มันต้องเจ็บป่วย ตาย 

สิ่งที่ต้องการรู้ ความหมายของปีติ, สุข, โสมนัสเวทนา
ความแตกต่างของ ปีติ, สุข, โสมนัสเวทนา



ขันธ์ ๕ หมายถึง กองแห่งรูปธรรมและนามธรรมห้าหมวดที่ประชุมกันเป็นหน่วยรวมซึ่งบัญญัติเรียกว่า สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นต้น ได้แก่ส่วนประกอบห้าอย่างที่รวมเข้าเป็นชีวิต๑ คือ
๑.รูปขันธ์ (Corporeality) หมายถึง ส่วนที่เป็นรูป ร่างกาย พฤติ
กรรมและคุณสมบัติต่าง ๆ ของส่วนที่เป็นร่างกาย ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด สิ่งที่เป็นร่างพร้อมทั้งคุณลักษณะและอาการ
๒.เวทนาขันธ์ (Feeling, Sensation) หมายถึง ส่วนที่ทำหน้าที่เสวยอารมณ์ ความรู้สึกสุขทุกข์ หรือเฉย ๆ
๓.สัญญาขันธ์ (Perception) หมายถึง กองสัญญา ส่วนความจดจำกำหนดได้หมายรู้ในอารมณ์ทั้ง 6 (รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่สัมผัสได้ และความนึกคิดจินตนาการทางใจ = 6 Objectives)
ที่มากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ว่าเป็นรูปอะไร สีอะไร,เสียงอะไร, กลิ่นอะไร, รสอะไร, สัมผัสอะไร, คิดถึงอะไร เป็นต้น
๔.สังขาร (Mental Formations, Volitional Activities) หมายถึง กองสังขารส่วนที่เป็นความปรุงแต่งสภาพที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือกลาง ๆ, คุณสมบัติต่าง ๆ ของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ที่ปรุงแต่งคุณภาพของจิตให้เป็นกุศล(คิดดี) อกุศล(คิดชั่ว) หรือเป็นอัพยากฤต(คิดกลาง ๆ ไม่ดีไม่ชั่ว)
๕.วิญญาณ (Consciousness) หมายถึง กองวิญญาณ ส่วนที่เป็น
ความรู้แจ้งหรือรับรู้อารมณ์ทางทวารทั้ง 6 คือ การได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส ได้คิด ได้แก่ วิญญาณ 6 คือ จุกขุ-วิญญาณ-การับรู้ทางตา, โสตวิญญาณ-การรับรู้ทางหู, ฆาน-วิญญาณ-การรับรู้ทางจมูก, ชิวหาวิญญาณ-การรับรู้ทางลิ้น, กายวิญญาณ-การรับรู้ทางประสาทกาย และมโนวิญญาณ-การรับรู้ทางใจ
ขันธ์ 5 นี้ สรุปย่อลงเป็น 2 ส่วนคือ นาม และรูป
๑. เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ จัดเป็น นาม
๒. รูปขันธ์ จัดเป็น รูป
ขันธ์ ๕ ยังจัดเข้าในปรมัตถธรรม 4 คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ดังนี้
1.วิญญาณขันธ์ จัดเป็น จิต
2.เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ จัดเป็น เจตสิก
3.รูปขันธ์ จัดเป็น รูป
4.นิพพาน จัดเป็น ขันธวิมุตติ คือ พ้นจากขันธ์ 5 ได้แก่พ้นจากนามและรูป
ขันธ์ ๕ จัดเป็นขันธวิมุตติเพราะนิพพานเป็นอสังขตธรม เป็นสภาวะที่ปราศจากการปรุงแต่งใด ๆ เป็นสักแต่ว่า ผู้รู้ ตื่น เบิกบานด้วยสติสัมปชัญญะและวิชชาที่เป็นปัญญาญาณสมบูรณ์ หลุดพ้นดับถอนจากตัณหาและอุปาทาน
ว่ามิใช่เป็นสัตว์(นิสฺสตฺโต) ว่ามิใช่เป็นบุคคล(นิชฺชีโว) เป็นแต่ความว่างจากอาสวกิเลสเหตุให้ยึดเป็นตัวตนและเหตุให้เกิดทุกข์(สุญฺโ ) ดังพระพุทธพจน์๒ ที่ว่า
ยสฺส ติณฺโณ กามปงฺโก มทฺทิโต กามกณฺฏโก
โมหกฺขยมนุปฺปตฺโต สุขทกฺเข น เวธติ.
เปือกตมคือกามอันผู้ใดข้ามได้แล้ว หนามคือกามอันผู้ใด
ย่ำยีได้แล้ว ผู้นั้นบรรลุถึงความสิ้นโมหะความหลง
(สิ้นอวิชชา)แล้ว ย่อมไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์



แหล่งข้อมูลทางธรรม :
จากคุณ : เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับสูญไป - [ 20 ต.ค. 50 05:42:45 ]

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/10/Y5935307/Y5935307.html

  
ปีติเจตสิก เป็นธรรมชาติที่มีความปลาบปลื้มใจในอารมณ์ ได้แก่ สภาพที่แช่มชื่น อิ่มเอิบใจเมื่อได้รับอารมณ์นั้นๆ มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้ คือ...
สมฺปิยายนลกฺขณา มีความแช่มชื่นใจในอารมณ์ เป็นลักษณะ
กายจิตฺตปินฺนรสา(วา) ผรณสา มีการทำให้อิ่มกาย อิ่มใจ(หรือ)มีการทำให้ซาบซ่านทั่วร่างกาย เป็นกิจ
โอคยฺยปจฺจุปฏฺฐานา มีความฟูใจ เป็นผล
เสสขนฺธตฺตยปทฏฺฐานา มีนามขันธ์ ๓ ที่เหลือ(เวทนาขันธ์,สัญญาขันธ์,วิญญาณขันธ์) เป็นเหตุใกล้
ธรรมชาติของปีตินี้ เมื่อเกิดขึ้นกับใคร ย่อมทำให้ผู้นั้นรู้สึกปลาบปลื้มใจ มีหน้าตา และกาย วาจา ชื่นบาน แจ่มใส เป็นพิเศษ บางทีก็ทำให้รู้สึกซาบซ่านในร่างกายนั่นเอง และทำให้จิตใจของผู้นั้นแช่มชื่น เข็มแข็ง ไม่รู้สึกเหนื่อยหน่ายต่ออารมณ์  อาการของปีตินี้ คือการทำให้จิตใจฟูเอิบอิ่มขึ้นมา ส่วนปีติที่จะเกิดขึ้นได้นั้น ย่อมต้องอาศัยนามขันธ์ ๓ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และวิญญาณขันธ์ เป็นเหตุใกล้ให้เกิดเวทนาขันธ์ที่เป็นเหตุใกล้ ให้ปีติเกิดขึ้นย่อมอาศัย สุขเวทนา เท่านั้น เป็นเหตุให้ปีติเกิด ด้วยเหตุนี้เอง บางที่เราเข้าใจว่า ปีติ และ สุข นั้นเป็นอันเดียวกัน แยกจากกันไม่ได้ ซึ่งความจริงนั้น เป็นสภาวะที่ต่างกัน คือ ปีติ เป็นธรรมชาติที่มีความยินดี เพราะได้ประสบอิฏฐารมณ์(อารมณ์ที่ดี)

"ปีติ มีในที่ใด สุขก็มีในที่นั้น แต่สุขมีในที่ใด ปีติอาจจะไม่มีในที่นั้นก็ได้"
"ปีติ เป็น สังขารขันธ์ แต่ สุข เป็น เวทนาขันธ์"
อุปมา ปีติเหมือนบุรุษเดินทางไกลไปในที่กันดาร มีเหงื่อโทรมกาย กระหายน้ำ ครั้นเห็นบุรุษอีกคนหนึ่งเดินมา ก็ถามว่า มีน้ำดื่มที่ใหนบ้าง บุรุษผู้นั้นตอบว่า พอพ้นดงนี้ก็จะพบสระน้ำ ท่านไปที่นั่นก็จะได้น้ำดื่ม บุรุษผู้เดินทางไกลนั้น ตั้งแต่ได้ยินว่ามีสระน้ำ จนกระทั่งได้เห็นสระน้ำนั้น ก็จะเกิดปีติ มีอาการแช่มชื่น เบิกบานในอารมณ์ที่ได้ยินว่า มีสระน้ำหรือได้เห็นสระน้ำนั้น นี้เป็นธรรมชาติของปีติ แต่ถ้าบุรุษนั้นได้ดื่มน้ำหรือได้อาบน้ำ ก็จะรู้สึกว่า สุขสบายดีจริง ฉะนั้น สุขจึงดำรงอยู้ด้วยการเสวยรสแห่งอารมณ์ เราจึงเห็นความต่างกันของปีติ และสุขได้ชัดเจนว่า "ปีติเกิดจากความปลาบปลื้มใจในอารมณ์ ส่วนสุขเกิดจากการตามเสวยอารมณ์ที่ดี"
เมื่อปีติเป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นทางใจเช่นนี้ จึงมีลักษณะใกล้เคียงกับโสมนัสเวทนา     โสมนัสเวทนาคือการเสวยความสุขทางใจ
ขึ้นมา แต่ถึงกระนั้น ปีติก็ไม่ใช่โสมนัสอยู่นั่นเอง เพราะโสมนัสเป็นเวทนาขันธ์ เกิดได้ในจิต ๖๒ ดวง

ปีติเป็นสังขารขันธ์ เกิดกับจิตได้เพียง ๕๑ ดวง
จตุตถฌาณลาภีบุคคล ย่อมเห็นความต่างกันแห่งโสมนัส และปีตินี้ได้ชัดเจน
ปีติเจตสิก ธรรมชาติที่ปลาบปลื้ม อิ่มเอิบใจนั้น มี ๕ ประการ คือ...
๑. ขุทฺทกาปีติ ปลาบปลื้มเพียงเล็กน้อย พอรู้สึกขนลุก
๒. ขณิกาปีติ ปลาบปลื้มชั่วขณะเหมือนสายฟ้าแลบ เกิดขึ้นแล้วก็หายไป แต่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ
๓. โอกฺกนฺติกาปีติ ปลาบปลื้มเป็นพักๆ และมีไหวเอน โยกโคลง เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
๔. อุพฺเพงฺคาปีติ ปลาบปลื้มจนตัวลอย
๕. ผรณาปีติ ปลาบปลื้มชนิดอิ่มเอม ซาบซ่านไปทั่วร่างกาย เกิดในอัปปนาจิต และตั้งอยู่ได้นาน ดังเช่นในรูปพรหมทั้งหมด ไม่ต้องกินอาหาร อยู้ได้ด้วย ผรณาปีติ.

อนึ่ง อาการรู้สึกขนลุก อาจเกิดจากการประสบอารมณ์ที่น่ากลัว เช่นกลัวผี ก็รู้สึกขนลุกเหมือนกัน แต่เป็นไปด้วยอำนาจโทสะ ชนิดปฏิกกมะโทสะ คือโทสะชนิดถอยหลัง ไม่ใชขุททกาปีติ.


แหล่งข้อมูลทางธรรม :
http://www.oknation.net/blog/pierra/2009/12/22/entry-1


ปีติสัมโพชฌงค์
คือปีติเจตสิกหรือความอิ่มใจในการเจริญสติปัฏฐาน เป็นปีติที่เกิดขึ้นด้วย อำนาจของการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน องค์ธรรม ได้แก่ปีติเจตสิกที่เกิดในจิต 34 ดวง คือ (1) มหากุศลจิตอันประกอบด้วยโสมนัส เวทนา และปัญญา ซึ่งเกิดได้ทั้งด้วยการชักชวนให้เกิดและเกิดขึ้นเอง โดยไม่ได้ชักชวนให้เกิดรวม 2 ดวง (2) มหากิริยาจิตของพระอรหันต์ อันประกอบด้วยโสมนัส เวทนา และปัญญา ซึ่งเกิดได้ด้วยการชักชวนให้เกิด และเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ชักชวนให้เกิดรวม 2 ดวง (3) มหัคคตจิตในฌานที่ 1-3 ทั้งที่เป็นกุศล 3 ดวง เป็นกิริยาในพระอรหันต์อีก 3 ดวง และ (4) โลกุตตรจิตอันประกอบด้วยฌานที่ 1-3 ในพระอริยบุคคล 8 ประเภทอีก 24 ดวง

แหล่งข้อมูลทางธรรม :
http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9500000125206



ตัวอย่าง นายดำเป็นผู้ที่มีความเห็นผิดว่า กฎแห่งกรรมเป็นเรื่องไร้สาระ วันหนึ่ง มีเพื่อนมาชวนไปขโมยเงิน ในตู้รับบริจาค ที่วัดแห่งหนึ่ง นายดำเห็นดีด้วย จึงไปงัดตู้รับบริจาคกับเพื่อน ด้วยความดีใจ เพราะมีเงินอยู่ในตู้ เป็นจำนวนมาก ขณะนั้น โลภมูลจิตดวงที่ ๒ ย่อมเกิดขึ้น เพื่อกระทำกรรมดังกล่าว เพราะโลภมูลจิตดวงที่ ๒ เป็นจิตที่เกิดขึ้น พร้อมด้วยความดีใจ ประกอบด้วยความเห็นผิด และเกิดโดยมีการชักชวน

แหล่งข้อมูลทางธรรม( รูปภาพ ) :
http://www.buddhism-online.org/Section03A_03.htm


โสมนัสเวทนาที่เป็นชาติกุศลและอกุศล เช่น โสมนัสเวทนา ที่เกิดร่วมกับ
โลภะซึ่งเป็นอกุศล เช่นกำลังชอบใจ ปลื้มใจและติดข้อง และอุเบกขาเวทนาที่เป็นชาติอกุศล เช่น โลภะขณะกำลังอยากได้ปากกามาเขียนและหยิบปากกามาเขียน เวทนา คือ ความรู้สึก เวทนาเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นเจตสิก
แยกให้ถูกว่าเวทนาเจตสิกหมายถึง ความรู้สึกเท่านั้น ไม่ใช่ความอยาก ความชอบ ที่เป็นโลภะ เมื่อเข้าใจว่า เป็นแต่ความรู้สึก เมื่อเกิดกับจิตใด ก็เป็นทำหน้าที่รู้สึก แต่จะเป็นความรู้สึก


แหล่งข้อมูลทางธรรม :
http://www.dhammahome.com/webboard/topic/20080



มหากุศลจิตมี 8 ดวง เช่นเดียวกับโลภมูลจิต 8 ต่างกันที่โลภมูลจิต ประกอบด้วย ความเห็นผิด และไม่ประกอบด้วยปัญญา แต่มหากุศลจิต  ประกอบด้วยปัญญา และไม่ ประกอบด้วยความเห็นผิด (ญาณสมปยุต = ประกอบด้วยปัญญา ญาณวิปยุตไม่ประกอบด้วยปัญญา)   มหากุศลจิต 8 ดวง ได้แก่
1. จิตที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยความยินดี ประกอบด้วยปัญญา ไม่มีการชักชวน เช่น นาย เพชร ทำบุญด้วยความโสมนัสยินดี
รู้ว่าบุญให้ผลเป็นความสุข ทำเองโดยไม่ถูกชักชวน
2. จิตที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยความยินดี ประกอบด้วยปัญญา มีการชักชวนเช่น มรกต ทำบุญด้วยความยินดี รู้ว่าบุญให้ผลเป็นความสุข แต่ทำเพราะเพื่อนชวน
3. จิตที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยความยินดี ไม่ประกอบดวยปัญญา ไม่มีการชักชวน เช่น บุษราคัม ทำบุญด้วยใจโสมนัสยินด แต่ทำตามประเพณี ไม่มีใครชวน
4. จิตที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยความยินดี ไม่ประกอบด้วยปัญญา มีการชักชวน เช่น โกเมน ทำบุญด้วยความปกติยินดี เพราะเพื่อนชวน ไม่รู้ว่าทำแล้วได้บุญหรือไม่ หรือทำดีได้ดี แต่ทํา แล้วยินดีเพราะสนุกไปกับเพื่อนด้วย
5. จิตที่เกิดขึ้นพร้อมกับความเฉย ๆ ประกอบด้วยปัญญา ไม่มีการชักชวน เช่น นิล เนตร รู้ว่าบุญให้ผลเป็นความสุข ทำบุญ แต่ไม่ได้ยินดีมากมาย และทำเองไม่มีใครชักชวน
6. จิตที่เกิดขึ้นพร้อมกับความเฉย ๆ (อุเบกขา) ประกอบด้วยปัญญา มีการชักชวน เช่น มุกดา เพื่อนชวนให้ไปทอดผ้าป่า ก็ไปด้วยรู้ว่าบุญให้ผลเป็นความสุข แต่ก็ไม่ได้ยินดีมาก
7. จิตที่เกิดขึ้นพร้อมกับความเฉย ๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญา ไม่มีการชักชวน เช่น เพทาย ใส่บาตรตามประเพณี ไม่มีใครชวน เวลาใส่ก็ไม่ได้ปิติโสมนัส
8. จิตที่เกิดขึ้นพร้อมกับความเฉย ๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญา มีการชักชวน เช่น ไพฑูรย์ไม่ใช่ชาวพุทธ เพื่อนชวนไปใส่บาตรก็ไปด้วย ไม่รู้เรื่องบุญ ใจก็ไม่ได้ยินดีอะไรนัก  มหากุศลจิตทั้ง 8 ดวงนี้ ดวงที่มีกำลังมากที่สุด ให้ผลเป็นที่ปรารถนามากที่สุดในกามภูมิ คือ ดวงที่ 1 เพราะประกอบด้วยปัญญา
ทำด้วยจิตใจโสมนัส ทำเองไม่มีการชักชวนจึงเป็นกุศลที่หนักแน่น ผลจากกุศลนี้ หากส่งผลจะทำให้เป็นคนมีจิตใจเบิกบาน หน้าตายิ้มแย้ม



แหล่งข้อมูลทางธรรม : 
PY212-4; E-Book Ramkamhaeng


๓. โสมนัสเวทนาจิต คือ จิตที่เกิดพร้อมกับโสมนัสเวทนา (สุขใจ) มี ๓๐ ดวง คือ โสมนัสโลภมูลจิต ๔ (คือจิตดวงที่ ๑-๔ ในอกุศลจิต ๘) โสมนัสสันตีรณจิต ๑ (คือจิตดวงที่ ๒๗ ในกุศลวิปากจิต ๘)
แหล่งข้อมูลทางธรรม : 
https://sites.google.com/site/tiwachanhk/chiwit-tam-nay-haeng-khanth-5/khanth-5-txn